วันพฤหัสบดีที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ไมเกรน ปวดศรีษะไมเกรน คุณภาพชีวิตลง

..ไมเกรน คืออะไร อาการ สาเหตุ และวิธีรักษาโรคไมเกรน.....

ไมเกรน (Migraine) หรือโรคไมเกรน เป็นอาการปวดศีรษะข้างเดียว เป็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นจากสมอง ศีรษะ และเส้นเลือดรอบๆ สมองของเรา เมื่อมีสิ่งเข้าไปกระตุ้นก็จะทำให้สมองเกิดภาวะตอบสนองไวกว่าปกติโดยเกิดได้จากทั้งปัจจัยภายนอกและปัจจัยภายใน ทำให้เกิดปฏิกิริยาทางเคมีเข้าไปกระตุ้นรบกวนเส้นประสาททำให้หลอดเลือดในสมองเกิดการขยายตัวและก่อให้เกิดไมเกรนในที่สุด

อาการของไมเกรน
- จะมีอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง โดยปวดศีรษะแบบตุ๊บๆ บริเวณขมับข้างเดียวนานราว 4 – 72 ชั่วโมง มีน้อยรายที่จะปวดทั้งสองข้างพร้อมกัน
- อาจปวดบริเวณเบ้าตา
- อาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียน
- เบื่ออาหาร
- เมื่อเคลื่อนไหวร่างกายจะยิ่งทำให้มีอาการปวดศีรษะมากขึ้น
- เมื่อเกิดเสียงดังหรือมีแสงจ้าก็ทำให้ปวดศีรษะ
- อาจมีอาการนำ Aura ที่เห็นแสงแวบ แสงจ้า ตาพร่ามัว

โรคปวดศรีษะไมเกรน เป็นโรคศรีษะเรื้อรังที่พบได้บ่อย โดยผู้ป่วยมักจะมีอาการปวดศรีษะที่ค่อนข้างรุนแรง มักมีอาการคลื่นใส้อาเจียนร่วมด้วย โดยอาการปวดศรีษะอาจโดนกระตุ้นด้วยปัจจัยหลายอย่างเช่น แสงจ้า เสียงดังเป็นต้น โรคปวดศรีษไมเกรน หากได้รับการตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง จะทำให้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยดีขึ้นอย่างมาก

สาเหตุ

สาเหตุการปวดศรีษะแบบไมเกรนนั้นยังไม่ทราบชัดเจน ส่วนหนึ่งอาจเชื่อว่า เกิดจากเซลล์สมอง และหลอดเลือดมีภาวะไวต่อตัวกระตุ้นมากเกินไป ทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าที่ผิดปรกติในสมอง ส่งผลให้เกิดการอักเสบของเส้นประสาทและหลอดเลือดในสมอง ในผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาไม่ถูกต้องและทันท่วงที อาจทำให้เกิดการเปลื่ยนแปลงในระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้ผู้ป่วยมีอาการไวต่อตัวกระตุ้นง่ายขึ้น และการรักษาจะยากขึ้นด้วย

อาการ

ผู้ป่วยไมเกรน มักมีอาการปวดหัวปานกลาง ถึงรุนแรง อาการมักกำเริบเป็นระยะ โดยมักจะเป็นข้างเดียว ปวดแบบตุ๊บตุ๊บ บริเวณขมับ หรือต้นคอ อาการปวดศรีษะมักจะยาวนาน 4 ถึง 72 ชั่วโมง โดยอาการปวดหัวจะแย่ลงเมื่อมีการขยับศรีษะ ไอจาม และดีขึ้นถ้าผู้ป่วยอยู่ในที่เงียบและมืด หรือได้รับการพักผ่อน
ในผู้ป่วยบางราย อาจมีอาการนำก่อนอาการปวดศรีษะ เช่น อาจมีการมองเห็นที่ผิดปรกติ มองไม่ชัด มองเห็นแสงแบบซิกแซกโดยจะขยายขึ้นเรื่อยเรื่อย อาจมีอาการชามือหรือชาหน้า ได้ อาการนำมักเกิดก่อนมีอาการปวดศรีษะประมาณ 30 นาที โดยส่วนมากระยะเวลาที่เป็นไม่เกิน 20 นาที

ตัวกระตุ้น

 ปวดศรีษะไมเกรน
อย่างที่กล่าวข้างต้นแล้วว่าผู้ป่วยไมเกรนมักมีภาวะไวต่อสิ่งกระตุ้น ดังนั้นการเลื่ยงสิ่งกระตุ้นเป็นสิ่งจำเป็น ตัวกระตุ้นที่พบได้บ่อยเช่น แสงจ้า เสียงดัง สภาพอากาศเป็นแปลง การมีประจำเดือน การกินอาหารไม่ตรงเวลาหรือการอดอาหาร ภาวะความเครียด ผงชูรส การพักผ่อนไม่เพียงพอ ภาวะอ้วน เป็นต้น
โรคปวดศรีษะไมเกรนนั้น หากได้รับการรักษาไม่ถูกต้อง หรือกินยาแก้ปวดมากเกินไป อาจทำให้อาการปวดศรีษะ รุนแรงมากขึ้น หรือความถี่ของการปวดมากขึ้น ได้


สาเหตุของการเกิดไมเกรน
ไมเกรนเป็นอาการปวดศีรษะข้างเดียวที่สามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย แต่พบน้อยในผู้สูงอายุ ซึ่งโดยมากมักพบในช่วงอายุระหว่าง 10 – 40 ปี และมักพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย (อัตราเฉลี่ย 1 : 10) โดยสาเหตุของไมเกรนนั้นยังไม่มีการระบุแน่ชัดว่าเกิดจากสาเหตุใด แต่มีการสันนิษฐานกันว่าน่าจะเกิดจากพันธุกรรมเป็นหลัก ร่วมด้วยปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ที่ทำให้เกิดความเครียด หรือการนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ สูบบุหรี่ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เหล่านี้ก็เป็นตัวกระตุ้นทำให้หลอดเลือดแดงในสมองเกิดการขยายตัวอย่างรวดเร็วทำให้ปวดศีรษะ

การรักษาไมเกรนด้วยยาและการป้องกันอาการไมเกรน

หากมีอาการไม่มากก็สามารถรับประทานพวกยาพาราเซตามอล หรือแอสไพริน จะช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะได้ แต่หากมีอาการมากเป็นบ่อยก็ควรปรึกษาแพทย์ โดยแพทย์มักจะให้ยาในกลุ่ม Beta blockers, Antidepressants, Calcium Channel blocker ตลอดจนยา Sumatriptan ซึ่งเป็นยาสำหรับอาการไมเกรนโดยเฉพาะ และจะให้ยาแก้ปวด และคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย

นอกจากนี้การรับประทานอาหารเสริมก็เป็นการช่วยลดหรือบรรเทาอาการปวดไมเกรนได้ อย่างเช่น วิตามินบี, แคลเซียม, แมกนีเซียม, Feverfew หรือ 5-hydroxytryptophan (5-HTP) เหล่านี้ก็สามารถช่วยเพิ่มระดับเซอโรโตนินในสมองของเรา เป็นการบำรุงเส้นเลือดให้แข็งแรง และควรรับประทานอย่างต่อเนื่องจึงจะได้ผลดี

โดยในเบื้องต้นเมื่อเกิดไมเกรนอาจบรรเทาอาการด้วยตนเองอย่างง่ายๆ ก่อน เช่น ใช้น้ำแข็งประคบที่ศีรษะเป็นการช่วยให้เส้นเลือดหดตัวลง หรือนอนพักผ่อนในห้องนอนที่สงบเงียบ พยายามพักผ่อนให้เพียงพอ และไม่ควรเปิดไฟเวลานอน หรือการนวดด้วยอโรมาก็ช่วยให้สมองผ่อนคลายได้ งดอาหารประเภทผงชูรส พิซซ่า กาแฟ เนย ช็อกโกแลต เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เหล่านี้เป็นต้น นอกจากนี้ควรออกกำลังกาย และรับประทานอาหารจำพวกปลามากๆ ก็จะเป็นการช่วยป้องกันไม่ให้เกิดโรคไมเกรนได้

ดังนั้นเราควรหมั่นดูแลรักษาสุขภาพกันให้มากๆ โดยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์และครบ 5 หมู่ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ หากิจกรรมหรืองานอดิเรกทำเพื่อเป็นการผ่อนคลายความตึงเครียด ไม่โกรธหรือโมโหง่าย เพียงเท่านี้เราก็ห่างไกลจากไมเกรนแล้ว…

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น