คำแนะนำจากคุณหมอ เกี่ยวกับโรคกระดูกทับเส้นประสาทที่เป็นเรียกทางการแพทย์ว่า Lumbar Stenosis หรือช่องกระดูกสันหลังตีบแคบจากหมอนรองกระดูกสันหลังเสื่อมหรือภาษาชาวบ้านเราเรียกว่า "กระดูกทับเส้น" ทำให้มีอาการชาที่ขา 2 ข้าง ร่วมกับมีอาการอ่อนแรง ต้องระมัดระวังเรื่องการล้มให้มากที่สุด เพราะเวลาเดินการทรงตัวจะทำได้ไม่สมดุลย์เกิดการลื่นล้มทำให้เกิดผลแทรกซ้อนที่ร้ายแรง คือ กระดูกหักตามมาได้ครับ การผ่าตัดใช้วิธีการขยายช่องโพรงสันหลังระดับเอว ค่าใช้จ่ายแบบเหมาจ่ายประมาณ 130,000 บาทครับ ถ้าหากเป็นข้าราชการยังไม่สามารถเบิกค่าใช้จ่ายได้ สำหรับโรคทางกระดูกที่สามารถเบิกหรือใช้สิทธิ์ข้าราชการเบิกจ่ายบางส่วนในโรงพยาบาลเอกชน ได้แก่ 1. การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม 2. การเปลี่ยนข้อตะโพกแบบทั้งหมด และ 3. การผ่าตัดเปลี่ยนข้อตะโพกแบบบางส่วนครับ
หมอนรองกระดูกสันหลัง เป็นอวัยวะที่คั่นอยู่ระหว่างกระดูกสันหลังแต่ละข้อ มีลักษณะเหนียวและยืดหยุ่น มีหน้าที่รับน้ำหนักของร่างกาย และรองรับแรงกระแทก
เส้นประสาทไขสันหลังอยู่ในโพรงประสาทไขสันหลัง มีหน้าที่ควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกายและควบคุมการเกิดรีเฟล็กซ์ เช่น ชักขาออกทันทีเมื่อเหยียบตะปู เมื่อเส้นประสาทถูกกดทับจะทำให้สูญเสียการทำงานของอวัยวะนั้นๆ เช่น กล้ามเนื้อแขนขาอ่อนแรง และชา หรือปวดในตำแหน่งที่ถูกกดทับ
สาเหตุของหมอนรองกระดูกสันหลังทับเส้นประสาท- อายุมากขึ้นเกิดการเสื่อมตามวัย หมอนรองกระดูกเหี่ยวบางลง ความเหนียวและยืดหยุ่นลดลง เอ็นรอบๆข้อกระดูกสันหลังหลวมมากขึ้น ทำให้เกิดการเคลื่อนและปริแตกของหมอนรองกระดูกได้ง่าย
- เกิดจาการใช้งานหนัก จากการเล่นกีฬา ยกของหนัก นั่งผิดท่า เป็นต้นทำให้ เสื่อมสภาพจากการใช้งาน
- เกิดจากอุบัติเหตุ กระแทกรุนแรง
อาการหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทระดับคอ
- มีอาการปวดต้นคอ
- ปวดร้าวลงไหล่แขน มือมีอาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อและชา ทำให้หยิบจับของได้ลำบาก
- มีอาการปวดหลัง
- ปวดสะโพกร้าว ลงขา
- บางรายมีอาการอ่อนแรงและชาของกล้ามเนื้อขาและเท้า ทำให้เดินลำบาก
- ตรวจร่างกาย
- เอกซเรย์
- เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT - spine)
- เอกซเรย์คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI - spine)
- การรักษาด้วยยาแก้ปวด ยาคลายกล้ามเนื้อ
- การทำกายภาพบำบัด และการบริหารกล้ามเนื้อ หลัง ท้อง หรือคอ
- การผ่าตัด เพื่อเอาหมอนรองกระดูกส่วนที่ปริ ยื่นทับเส้นประสาทออก หรือ เอาหมอนรองกระดูกที่เสื่อมสภาพออกแล้วใส่หมอนรองกระดูกเทียม การผ่าตัดมี 2 วิธี
- ผ่าตัดแบบเปิดแผลยาว แผลผ่าตัดยาวประมาณ 10 ซม.
- ผ่าตัด ส่องกล้องแผลเล็ก เรียกว่า minimally invasive spine surgery
แพทย์จะพิจารณาการผ่าตัดก็ต่อเมื่อ การรักษาด้วยยาและกายภาพบำบัดไม่ได้ผล ไม่สามารถลดอาการปวดหลังได้ และมีภาวะของหมอนรองกระดูกเคลื่อนทับเส้นประสาท
หลักการของการผ่าตัดแบบนี้คือ เปิดแผลให้เล็กที่สุด แต่ยังคงมีประสิทธิภาพของการผ่าตัด โดยเฉพาะความปลอดภัยของผู้ป่วย ลดการทำลายเนื้อเยื่อใกล้เคียง
อุปกรณ์ที่สำคัญของการผ่าตัด คือ กล้อง Microscope ที่มีกำลังขยายสูงมาก ทำให้แพทย์เห็นรายละเอียดได้ชัดเจนกว่ามองด้วยตาเปล่า และ Navigator เป็นเครื่องมือใช้สำหรับคำนวณพิกัดของกระดูกสันหลัง แสดงภาพ 3 มิติ แพทย์จะสามารถวางแผนการผ่าตัดได้ง่ายและแม่นยำมากขึ้น ส่วนเครื่องมืออื่นๆ ทั่วไป ได้แก่ เครื่องตัด เครื่องดูด และเลเซอร์ เป็นต้น
การผ่าตัด แพทย์จะวางยาสลบ หรือบล็อกหลังทำความสะอาดผิวหนัง จากนั้น จะกรีดแผลเล็กๆ 2 – 3 ซม. บริเวณหลังหรือคอขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่จะผ่าตัด ใส่ท่อขนาดเล็กลงไปผ่านทางรูที่เจาะไว้ แพทย์จะใส่เครื่องมือต่างๆ ลงไปในท่อและทำการผ่าตัด หลังผ่าตัดเสร็จแพทย์จะนำท่อและอุปกรณ์ทั้งหมดออก
- ลดการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อหลัง หรือคอ
- ขณะผ่าตัดเสียเลือดน้อย
- แผลเล็ก 2 – 3 ซม.
- การฟื้นตัวไว พักฟื้นที่โรงพยาบาล น้อยกว่าการผ่าตัดแบบเปิดแผลยาว
- เสี่ยงต่อการติดเชื้อของแผลน้อยกว่า
ที่มา
http://www.phyathai.com/medicalarticledetail/1/7/832/th |
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น