วันพฤหัสบดีที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ฟันสวยง่ายๆ ด้วยการฟอกสีฟัน

ฟอกสีฟัน

ฟอกสีฟัน

ฟันสวยง่ายๆ ด้วยการฟอกสีฟัน

รอยยิ้มถือเป็นสิ่งสำคัญและช่วยเพิ่มเสน่ห์ รอยยิ้มที่สวยและขาวกระจ่าง สามารถเพิ่มความรู้สึกมั่นใจให้แก่ผู้เป็นเจ้าของ และสร้างความประทับใจให้แก่ผู้พบเห็น เมื่อเวลาผ่านไปและอายุที่มากขึ้น คราบสีจากอาหารต่างๆ เช่น ชา กาแฟ ไวน์แดง น้ำอัดลม หรือ บุหรี่ อาจทำให้สีของฟันที่เคยขาวดูคล้ำเข้มขึ้น การฟอกสีฟันเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่สามารถทำให้ฟันของท่านกลับมาขาวได้อีกครั้ง

การฟอกสีฟัน คืออะไร?

การใช้สารไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ หรือสารที่สามารถทำให้เกิดไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ได้ในปฏิกิริยาทางเคมี โดยไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์จะแตกตัวให้อนุมูลอิสระของออกซิเจน ซึ่งออกซิเจนนี้เองที่ไปทำให้โมเลกุลสีของฟันเดิมแตกตัวออกเป็นโมเลกุลเล็กๆ ทำให้สีฟันที่เข้มดูจางลง

ทำไมถึงควรฟอกสีฟัน?

  • เพื่อเพิ่มความมั่นใจในรอยยิ้มของคุณ
  • เพื่อบุคลิกภาพที่ดูหนุ่มสาวขึ้น
  • เพื่อเหตุการณ์สำคัญ เช่น แต่งงาน สัมภาษณ์งาน หรือเลี้ยงรุ่น
  • เพื่อสร้างความประทับใจเริ่มแรกกับบุคคลอื่น
  • เพื่อกำจัดคราบสะสมมาเป็นเวลานาน

ฟอกสีฟันสามารถทำได้อย่างไร ?

ส่วนวิธีการนำสารฟอกสีฟันมาใช้เพื่อช่วยแก้ไขปรับปรุงความขาวของฟันให้รอยยิ้มดูดีขึ้นนั้น แบ่งออกเป็นการทำในฟันที่มีชีวิต และในฟันที่ไม่มีชีวิต ได้เป็น 5 วิธี ดังนี้
  1. In-office Power Bleaching การฟอกสีฟันที่ทำให้โดยทันตแพทย์ในคลินิก โดยใช้สารฟอกสีฟันที่มีความเข้มข้นสูง อาจมีการใช้วิธีและเครื่องมือต่างๆ ร่วมด้วย เพื่อกระตุ้นให้สารฟอกสีฟันเกิดปฏิกิริยารวดเร็วทันใจขึ้น เช่น แสงจากเครื่องฉายแสงชนิดต่างๆ รวมถึงเลเซอร์
    • ข้อดี ประหยัดเวลากว่าการนำกลับไปทำเองที่บ้าน สามารถทำการฟอกสีฟันได้เสร็จในครั้งเดียว
    • ข้อเสีย มักก่อให้เกิดอาการเสียวฟันตั้งแต่น้อยไปจนถึงมาก เนื่องจากใช้ปริมาณความเข้มข้นของสารฟอกค่อนข้างสูง
  2. At-home Bleaching การฟอกสีฟันที่ให้นำกลับไปทำเองที่บ้านภายใต้การควบคุมของทันตแพทย์ โดยทันตแพทย์จะพิมพ์ปากเพื่อเตรียมถาดฟอกสีฟันให้ จากนั้นจะทำการจ่ายน้ำยาฟอกสีฟันให้นำกลับไปใส่เวลานอน เนื่องจากการฟอกสีฟันวิธีนี้ใช้สารฟอกสีฟันที่มีความเข้มข้นต่ำ
    • ข้อดี ผลข้างเคียงในเรื่องของการเสียวฟันน้อยกว่าการฟอกสีฟันในคลินิก ราคาค่ารักษาก็ไม่สูง
    • ข้อเสีย ใช้ระยะเวลาในการฟอกสีฟันค่อนข้างนาน อาจจะหลายอาทิตย์จนถึงเป็นเดือน อีกทั้งต้องใส่ถาดฟอกสีฟันเวลานอน ซึ่งบางคนอาจไม่ชิน
  3. In-office assisted Bleaching เป็นการฟอกสีฟันที่ทำร่วมกันระหว่าง ข้อ 1 กับข้อ 2 โดยทำในกรณีที่สีเริ่มต้นของฟันเข้มมาก โดยจะทำที่คลินิกก่อน จากนั้นให้กลับไปทำต่อเองที่บ้าน
  4. Over-the-counter Bleaching การฟอกสีฟันที่สามารถทำเอง ไม่จำเป็นต้องอยู่ในความดูแลของทันตแพทย์ โดยใช้ผลิตภัณฑ์ที่หาซื้อได้ทั่วไปตามร้านค้าผลิตภัณฑ์ยาและความงามต่างๆ ใช้สารฟอกสีฟันไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ความเข้มข้นต่ำรูปแบบต่างๆ เช่น สารฟอกสีฟันที่วางขายในลักษณะชุดฟอกสีฟัน แถบฟอกสีฟัน และยาสีฟันที่มีสารฟอกสี
    • ข้อเสีย ชุดฟอกสีฟันประเภทนี้จะมีถาดฟอกสีฟันสำเร็จรูปซึ่งขนาดจะไม่ค่อยพอดีและไม่แนบสนิทกับฟัน ทำให้เกิดความไม่สบายขณะใส่ และน้ำยาฟอกสีฟันมีโอกาสที่จะไหลออกนอกถาดมากกว่า ทำให้เกิดการระคายเคืองที่บริเวณเนื้อเยื่ออ่อนในช่องปาก
    • สิ่งที่ควรระวัง คือ น้ำยาฟอกสีฟันเหล่านี้มักไม่ระบุค่าความเข้มข้นของสารฟอกที่ชัดเจน ซึ่งถ้าน้ำยามีความเข้มข้นสูง อาจทำให้เกิดการเสียวฟันได้ นอกจากนี้ยังไม่มีทันตแพทย์คอยดูแลแนะนำวิธีการใช้
  5. Internal Bleaching เป็นการฟอกสีฟันในฟันที่เปลี่ยนสีเนื่องจากฟันตาย ซึ่งมักมีการเปลี่ยนสีของฟันเฉพาะซี่ ไม่ได้เปลี่ยนสีทั้งปาก เช่น ฟันที่ได้รับการรักษารากฟันหรือฟันที่ได้รับอุบัติเหตุจนตาย เราจะทำการฟอกเฉพาะซี่นั้นๆ โดยตรง ซึ่งทันตแพทย์จะเป็นผู้ใส่สารฟอกสีฟันเข้าไปข้างในตัวฟัน เพื่อให้ฟันที่เปลี่ยนเป็นสีคล้ำนั้นขาวขึ้น แล้วจะอุดปิดช่องทางเข้าไว้ชั่วคราว เพื่อให้สารฟอกสีฟันทำให้ฟันขาวขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นนัดมาดูสีอีกครั้งหนึ่ง หากสียังไม่เป็นที่พอใจก็เปลี่ยนสารฟอกสีฟันเข้าไปใหม่ แล้วนัดกลับมาดูอีกครั้ง เมื่อสีเป็นที่น่าพอใจแล้วก็ทำการอุดปิดช่องไว้ด้วยวัสดุอุดถาวรต่อไป

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น