วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

มะเร็งลำไส้ใหญ่

โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ภัยร้ายของคนอายุ 50 ปีขึ้นไป

          ในปัจจุบันโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 4 ของโลก เป็นสาเหตุการเสียชีวิตเป็นอันดับ 2 ของประชากรในประเทศสหรัฐอเมริกา ในส่วนของประเทศไทยเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 3 ของในเพศชาย และ อันดับ 5 ในเพศหญิง

สาเหตุของโรคมะเร็ง แบ่งออกเป็น
          ปัจจัยทั่วไป
                    1. เกิดจากกรรมพันธุ์หรือ พันธุกรรม (คนในครอบครัวมีประวัติป่วยเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่)
                    2. อาหาร อาหารที่มีไขมันสูง , แคลอรี่สูง , การสูบบุหรี่ ,ดื่มแอลกอฮอล์, การรับประทานอาหารที่มีใยอาหารต่ำ เพิ่มโอกาสเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่
                    3. ความเครียด
                    4. เพศ : เพศชายมีความเสี่ยงมากกว่า เพศหญิง

อาการของมะเร็งลำไส้ใหญ่
          -  ท้องเสีย ท้องผูกหรือรู้สึกท้องอืด
          -  อุจจาระปนเลือดสดๆ หรือเลือดสีคล้ำมาก
          -  ลักษณะอุจจาระเรียวยาวกว่าปกติ
          -  ไม่สบายท้อง ปวดแสบร้อนท้อง อาหารไม่ย่อยและปวดเกร็ง
          -  น้ำหนักตัวลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
          -  อ่อนเพลียหรืออ่อนแรง
          -  ซีด โลหิตจาง

แนวทางในการลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ ได้แก่
          1.  การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
          2.  การบริโภคอาหารที่มีกากใยสูง
          3.  การควบคุมน้ำหนัก
          4.  หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่
          5.  งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

การตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่
          โดยทั่วไปมะเร็งลำไส้ใหญ่ในระยะแรกมักไม่มีอาการผิดปกติใดๆ สามารถตรวจเนื้องอกที่กำลังจะกลายเป็นมะเร็งและให้การรักษาได้ การตรวจขึ้นอยู่กับอายุและประวัติทางครอบครัว รวมถึงความเสี่ยงต่างๆข้างต้นที่กล่าวมาแล้ว

ผู้ที่ควรเข้ารับการตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่
          กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง ได้แก่
                    -  ผู้ที่มีประวัติเคยเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่หรือเคยมี
                    -  เคยเป็นเนื้องอกชนิด adenoma
                    -  ประวัติคนในครอบครัวเคยเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ก่อนอายุ 60 ปี
                    -  มีประวัติป่วยเป็นลำไส้อักเสบเรื้อรัง
                    -  มีโรคพันธุกรรมที่เกี่ยวข้องกับมะเร็งลำไส้ใหญ่
          (สำหรับการตรวจด้วยเครื่อง PET-CT ในคนทั่วไปยังอยู่ระหว่างการวิจัยถึงข้อดีและข้อเสีย รวมถึงความคุ้มค่าและประโยชน์ที่ได้รับจากการตรวจนี้ )

          กลุ่มที่มีความเสี่ยง ได้แก่
                    - ชาย หรือ หญิง ที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป

วิธีการตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ มีหลายวิธีดังนี้
          - การตรวจหาเลือดในอุจจาระปีละ 1 ครั้ง
          - การส่องกล้องลำไส้ใหญ่ส่วนปลายทุกๆ 5 ปี
          - การตรวจหาเลือดในอุจจาระปีละ 1 ครั้ง และการส่องกล้องลำไส้ใหญ่ส่วนปลายทุกๆ 5 ปี
          - การส่องกล้องลำไส้ใหญ่ทั้งหมดทุกๆ 10 ปี
          - สวนแป้งทุกๆ 5 ปี.

(ไม่แนะนำตรวจเลือดเพื่อวัดระดับ CEA ในคนทั่วไปที่ยังไม่มีอาการผิดปกติ)

การรักษาโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
          จุดประสงค์ของการรักษาโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่นั้นมี 2 ลักษณะ ได้แก่
                    1.  รักษาให้หายขาด ( Cure)
                    2.  รักษาเพื่อประคับประคอง (Palliative)

ในการรักษาโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ จะประกอบด้วยทีมแพทย์สหสาขา ได้แก่ ศัลยแพทย์ รังสีแพทย์ อายุรแพทย์ มะเร็งวิทยา โดยมีวิธีการรักษา ดังนี้
          •  การผ่าตัด
          •  ฉายแสงรังสีรักษา
          •  การให้ยาเคมีบำบัด

          หัวใจสำคัญของการรักษาโรคมะเร็งที่ควรทราบก็คือ
โรคมะเร็งแต่ละชนิด มีการดำเนินของโรค และความร้ายแรงแตกต่างกัน โอกาสดีที่สุดที่จะจัดการ กับโรคมะเร็ง คือ ต้องรู้ให้เร็วที่สุด หรือ ตรวจคัดกรองก่อนที่จะเป็นการรักษาครั้งแรกมีความสำคัญ มากที่สุด ความแข็งแกร่งของร่างกายและจิตใจ และความร่วมมือของผู้ป่วย มีผลต่อการรักษามา

          เมื่อพูดถึงโรคมะเร็งนั้น มีเพียงไม่กี่ชนิดเท่านั้นที่ป้องกันได้หรือรู้ได้ในระยะเริ่มต้นได้แก่มะเร็งปากมดลูก มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งปากมดลูกป้องกันโดยตรวจภายใน ทำPap Smear ปีละ 1 ครั้ง ส่วนมะเร็งลำไส้ใหญ่ป้องกันได้โดยมาส่องกล้องลำไส้ใหญ่(Colonoscopy)หรือ CT colonography ทุกๆ10 ปี แต่อย่างไรก็ตามถ้ารู้ว่าเราเป็นแล้วก็ต้องรีบรักษากับแพทย์เฉพาะทางด้านลำไส้ใหญ่และทวารหนัก เพื่อจะได้ผลการรักษาที่ดีที่สุดครับ

นพ. ธีรสันติ์ ตันติเตมิท
ศัลยแพทย์ลำไส้ใหญ่และทวารหนัก
โรงพยาบาลพญาไท 2
โทร 02-617-2444 ต่อ 7401 , 7406


0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น