วันจันทร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ปวดท้องฉับพลัน ทำยังไงดีละ


อาการปวดท้อง

สาเหตุของอาการปวดท้อง

เกิดได้จากหลายสาเหตุ อาการอาจเป็นแค่ปวดท้องเล็กน้อยหรือปวดมากและรุนแรงมากได้ อาการปวดมักจะไม่จำเพาะเจาะจงอวัยวะในช่องท้องอาจมีหลายอย่าง อาการปวดท้องอาจสัมพันธ์กับอวัยวะโดยตรง เช่น กระเพาะปัสสาวะ รังไข่ โดยทั่วไปอาการปวดท้องเกิดจากอวัยวะในระบบทางเดินอาหาร ยกตัวอย่างเช่น ไส้ติ่งอักเสบ ท้องเสีย อาหารเป็นพิษ เป็นต้น ลักษณะของอาการปวดท้องและตำแหน่งที่ปวด สามารถช่วยในการวินิจฉัยได้เช่นเดียวกับความรุนแรงของอาการปวดท้องและช่วงเวลาที่เกิดอาการปวดท้อง

อาการปวดท้องอาจมีลักษณะปวดเสียด

ปวดตื้อๆ ปวดบิด บางครั้งปวดไม่กี่วินาทีก็หายปวดหรือปวดท้องชนิดไม่หายสักที บางครั้งปวดท้องแล้วอาเจียนหลังจากได้อาเจียนอาจรู้สึกดีขึ้นบ้าง สาเหตุที่ทำให้ปวดท้องอาจแบ่งเป็นชนิดเฉียบพลันและชนิดเรื้อรัง โรคที่คนส่วนใหญ่กลัวได้แก่ ไส้ติ่งอักเสบ ถุงน้ำดีอักเสบ โรคแผลในกระเพาะอาหาร ภาวะการติดเชื้อ และอาการที่เกิดจากการตั้งครรภ์

โรคบางอย่างที่อาจต้องนึกถึงด้วย

ได้แก่ โรคของหลอดเลือดขนาดใหญ่ในช่องท้อง อาการหัวใจวายเฉียบพลันและตับอ่อนอักเสบ นิ่วในไต รวมทั้งโรคของลำไส้บางชนิด อาการปวดท้องอาจจะไม่ได้เกิดจากอวัยวะในช่องท้องเท่านั้น โรคหัวใจและปอดอักเสบอาจก่อให้เกิดอาการปวดท้องที่รุนแรงได้เช่นกัน ในเพศหญิงต้องนึกถึงสาเหตุจากอวัยวะในอุ้งเชิงกรานด้วย ผู้ป่วยที่เป็นโรคงูสวัดที่บริเวณท้องจะมีอาการปวดท้องที่รุนแรงโดยที่ อวัยวะภายในไม่ได้มีความผิดปกติแต่อย่างใด และประการสุดท้ายอาการเป็นพิษบางอย่างทำให้เกิดอาการปวดท้องได้ เช่น แมลงกัด สัตว์ต่อย
โดยเฉลี่ยแล้วประมาณครึ่งหนึ่งของผู้ป่วยที่มีอาการปวดท้อง จะตรวจพบสาเหตุที่ชัดเจนในขณะที่อีกครึ่งหนึ่งที่มักจะตรวจไม่พบสาเหตุ และอาการอาจทุเลาน้อยลงไปโดยยังไม่ทราบแน่ชัดว่าปวดท้องจากสาเหตุอะไร แต่ถ้ายังคงมีอาการปวดท้องอยู่ส่วนใหญ่จะพบสาเหตุในเวลาอีกไม่นานต่อมา

อาการปวดท้องที่ควรไปพบแพทย์

  1. ปวดมานานกว่า 6 ชั่วโมงแล้วอาการเป็นมากขึ้น
  2. ปวดจนทานอาหารไม่ได้
  3. ปวดท้องและอาเจียนอย่างมาก มากกว่า 3-4 ครั้ง
  4. อาการปวดท้องเป็นมากขึ้นเมื่อขยับตัว
  5. ปวดท้องที่บริเวณท้องน้อยด้านขวา
  6. อาการปวดท้องรุนแรงจนทำให้นอนไม่ได้
  7. อาการปวดร่วมกับเลือดออกจากช่องคลอด
  8. มีไข้ร่วมด้วย

คำแนะนำสำหรับการปฏิบัติตัวของผู้ปวดท้อง

  • รับประทานยาตามแพทย์สั่ง
  • รับประทานอาหารที่ย่อยง่าย งดนม อาหารรสจัด น้ำผลไม้
  • ถ้ายังมีอาการต่อไปนี้ คือ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้องน้อยด้านขวามากขึ้นหลังทานยาแก้ปวดไปแล้ว 2 ชม. ให้รีบกลับมาพบแพทย์ทันที
  • โปรดกลับไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจตามที่แพทย์นัด

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น