แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ภาวะครรภ์เสี่ยง แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ภาวะครรภ์เสี่ยง แสดงบทความทั้งหมด

วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ภาวะครรภ์เสี่ยงในคุณแม่ตั้งครรภ์กับช่วงเวลาสำคัญที่ต้องดูแลเอาใจใส่

ครรภ์เสี่ยง

ภาวะครรภ์เสี่ยงในคุณแม่ตั้งครรภ์กับช่วงเวลาสำคัญที่ต้องดูแลเอาใจใส่

ครรภ์เสี่ยงที่คุณแม่ท้องต้องระวัง

ความประทับใจที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงทุกคน คือช่วงเวลาที่ได้มีโอกาสดูแลและฟูมฟักทารกตัวน้อยในครรภ์ของเธอ คุณแม่หลายคนให้เวลาดังกล่าวเป็นการเฝ้ารอการลืมตาดูโลกของอีกหนึ่งชีวิตที่น่าจดจำ ขณะเดียวกันหลายครั้งที่การตั้งครรภ์เกิดขึ้นโดยที่คุณแม่อาจยังไม่มีความพร้อมอย่างเพียงพอ และเป็นสาเหตุของ ภาวะครรภ์เสี่ยง ตามมา
พญ.ธาริณี ลำลึก สูตินรีแพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์ รพ.พญาไท 2 ให้ความหมายของ “ครรภ์เสี่ยง” ว่าเป็นภาวะความเสี่ยงระหว่างตั้งครรภ์อาจส่งผลกระทบได้กับมารดาและทารกในครรภ์ โดยภาวะครรภ์เสี่ยงมีสาเหตุหลักจากสุขภาพของมารดาโดยตรง ส่วนใหญ่มักพบได้ในคุณแม่ที่ตั้งครรภ์เมื่ออายุมาก เคยมีประวัติแท้งบุตร และมีโรคประจำตัว ปัจจัยที่ทำให้เกิดภาวะครรภ์เสี่ยงซึ่งมีสาเหตุจากหญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุมาก จึงเกี่ยวเนื่องกับผู้ที่มีบุตรยากซึ่งตั้งครรภ์ด้วยการผสมเทียมด้วยเช่นกัน

ปัจจัยที่อาจทำให้คุณแม่ตั้งครรภ์มีภาวะครรภ์เสี่ยง

  • คุณแม่ที่มีประวัติการตั้งครรภ์ผิดปกติ โดยทารกเสียชีวิตระหว่างตั้งครรภ์ ระหว่างคลอดและหลังคลอด มีประวัติแท้งบุตร คลอดก่อนกำหนด (อายุครรภ์ก่อน 37 สัปดาห์) เคยคลอดบุตรน้ำหนักน้อยกว่ามาตรฐาน (น้อยกว่า 2500 กรัม) หรือน้ำหนักเกินมาตรฐาน (มากกว่า 4000 กรัม) หรือเคยมีภาวะครรภ์เป็นพิษขณะตั้งครรภ์
  • ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับคุณแม่โดยตรง โดยคุณแม่มีโรคประจำตัวมีเป็นอันตรายระหว่างตั้งครรภ์ เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไทรอยด์เป็นพิษ โลหิตจาง โรคลมชัก วัณโรค เอดส์ ซิฟิลิส ไวรัสตับอักเสบบี หัดเยอรมัน และมีสภาพร่างกายไม่แข็งแรง รูปร่างเล็ก เชิงกรานแคบ ตัวเตี้ยส่วนสูงไม่เกิน 140 เซนติเมตร รวมถึงช่วงอายุที่ไม่พร้อมสำหรับวัยเจริญพันธุ์ ตั้งครรภ์เมื่ออายุน้อยกว่า 15 ปี หรือ ตั้งครรภ์เมื่ออายุเกิน 40 ปี เป็นต้น
  • ความผิดปกติที่เกิดขึ้นระหว่างตั้งครรภ์ เช่น ครรภ์แฝด ทารกอยู่ในท่าผิดปกติ มีเนื้องอกมดลูก ความดันโลหิตสูง เบาหวาน โลหิตจาง ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
ภาวะแทรกซ้อนที่พบได้บ่อยในคุณแม่ตั้งครรภ์
ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงระหว่างตั้งครรภ์ ภาวะครรภ์เสี่ยงซึ่งมีสาเหตุจากหญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุมาก จึงเกี่ยวเนื่องกับผู้ที่มีบุตรยากซึ่งตั้งครรภ์ด้วยการผสมเทียมด้วยเช่นกันทำให้มีผลกระทบต่อสุขภาพของมารดาและทารก และมีโอกาสเสี่ยงต่อการเสียชีวิต เพื่อความปลอดภัยของมารดาและทารก คุณแม่ตั้งครรภ์จึงควรให้ความสนใจเพื่อการเฝ้าระวังวางแผนการป้องกัน และแก้ไขได้อย่างถูกต้องเหมาะสม
ภาวะแทรกซ้อน ที่พบได้บ่อยในคุณแม่ตั้งครรภ์ มีดังนี้

ครรภ์เป็นพิษ

  • เป็นภาวะ ที่คุณแม่ตั้งครรภ์ มีความดันโลหิตสูง (มากกว่าหรือเท่ากับ 140/90 มิลลิเมตรปรอท) ร่วมกับมีโปรตีนไข่ขาวออกมาในปัสสาวะ
  • จะทำให้มีอาการ บวมที่หน้า มือ ขา เท้า บางคนปวดศีรษะ ตาพร่ามัว ถ้าไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม อาจชัก เส้นเลือดในสมองแตก อาจทำให้เสียชีวิต เสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนด ทารกน้ำหนักตัวน้อย
  • สาเหตุ ยังไม่ทราบแน่ชัด แต่มักพบในคุณแม่อายุมากกว่า 35 ปี หรือน้อยกว่า 20 ปี ตั้งครรภ์แฝด คุณแม่มีโรคประจำตัว เช่น โรคไต โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง
  • รักษา ด้วยการให้ยาควบคุมความดัน ลดอาหารเค็ม การตรวจวัดความดันสม่ำเสมอ

ครรภ์ไข่ปลาอุก (Molar pregnancy)

  • เป็นความผิดปกติ ระหว่างปฏิสนธิ ไม่ได้เป็นตัวอ่อนแต่กลายเป็นถุงน้ำ มีลักษณะเหมือนไข่ปลาจำนวนมาก อยู่ในถุงน้ำ เนื่องมาจากไข่ของฝ่ายหญิงไม่มีโครโมโซมเพศ
  • ทำให้มีอาการ เลือดออกทางช่องคลอด อาจช็อกหมดสติ
  • สาเหตุ ยังไม่ทราบชัดเจน แต่พบว่ามีปัจจัยเสี่ยงจาก สตรีตั้งครรภ์อายุมาก สูบบุหรี่ ตั้งครรภ์แรก เป็นต้น
  • รักษา ด้วยการให้ยุติการตั้งครรภ์ ด้วยการใช้เครื่องดูดออกหรือขูดมดลูก

ภาวะรกเกาะต่ำ (Placenta Previa)

  • เป็นภาวะ ที่รกเกาะอยู่ในตำแหน่งผิดปกติ มีบางส่วนของรกปิดบริเวณปากมดลูก ซึ่งโดยปกติรกจะเกาะที่ส่วนบนของมดลูก ทำให้มีอาการเสียเลือด มีเลือดออกทางช่องคลอด
  • ปัจจัยเสี่ยง จากมารดาอายุมากกว่า 35 ปี เคยขูดมดลูก เคยผ่าตัดเนื้องอกมดลูก ตั้งครรภ์แฝด ทารกอยู่ในท่าผิดปกติ
  • การรักษา ถ้าเลือดออกไม่มาก ให้พักผ่อน งดทำงานหนัก ให้ธาตุเหล็ก อาจต้องผ่าตัดทำคลอดในขณะที่อายุครรภ์ยังไม่ครบ

เบาหวานระหว่างตั้งครรภ์

  • เป็นภาวะที่ มารดาตั้งครรภ์มีน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ โดยที่ไม่เคยเป็นเบาหวานมาก่อน เนื่องจากฮอร์โมนจากรกมีฤทธิ์ต้านการทำงานของอินซูลิน ทำให้ร่างกายไม่สามารถนำน้ำตาลไปใช้ได้ตามปกติ
  • มีผลทำให้ ทารกมีรูปร่างอ้วนใหญ่ คลอดยาก เสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนด บางรายทำให้เลือดไปเลี้ยงมดลูกน้อยลง ทารกตัวเล็กกว่าปกติ อาจเสียชีวิตในครรภ์
  • ปัจจัยเสี่ยง มารดามีน้ำหนักเกินก่อนตั้งครรภ์ เป็นเบาหวานก่อนการตั้งครรภ์ เคยคลอดบุตรน้ำหนักมากกว่า 4 กิโลกรัม มีความดันโลหิตสูง มีญาติเป็นโรคเบาหวาน
  • การรักษา การควบคุมอาหาร การให้อินซูลิน ตรวจติดตามระดับน้ำตาลในเลือด

ภาวะแท้งคุกคาม (Threatened Abortion)

  • เป็นภาวะ ที่การตั้งครรภ์มีเลือดออกจากโพรงมดลูก ซึ่งมาจากหลายปัจจัย เช่น ทารกพิการแต่กำเนิด มีความผิดปกติของโครโมโซม ความผิดปกติของฮอร์โมน การสูบบุหรี่ มารดามีโรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตสูง
  • มีอาการ เลือดออกกระปริบกระปรอย ทางช่องคลอด ปวดท้องน้อย
  • การรักษา แพทย์ตรวจด้วยอัลตร้าซาวด์ ตรวจฮอร์โมนการตั้งครรภ์ (HCG) ถ้าตัวอ่อนเสียชีวิต ฮอร์โมนจะต่ำลง จะสิ้นสุดการตั้งครรภ์ด้วยการแท้ง แต่ถ้าตัวอ่อนยังมีชีวิต จะต้องดูแลอย่างใกล้ชิด แพทย์อาจให้ฮอร์โมนป้องกันแท้ง ให้นอนพักมากๆ งดเพศสัมพันธ์ ห้ามทำกิจกรรมหนักๆ และงดกิจกรรมที่ต้องมีการเกร็งหน้าท้อง
สัญญาณเตือนคุณแม่ตั้งครรภ์ที่ต้องพบแพทย์ทันที

อาการผิดปกติระหว่างตั้งครรภ์ที่ควรพบแพทย์

  • จุกเสียด แน่นท้อง ปวดท้อง
  • มีเลือดออกทางช่องคลอด
  • ปวดศีรษะบ่อย ตาพร่ามัว
  • มีอาการบวมตามใบหน้า มือ ขา เท้า
  • มารดาน้ำหนักเพิ่มมากเกินไป น้ำหนักน้อยเกินไป
  • ลูกไม่ดิ้น หรือดิ้นน้อยลงเมื่ออายุครรภ์เกิน 20 สัปดาห์
ครรภ์เสี่ยง

คุณแม่ตั้งครรภ์จะป้องกันภาวะครรภ์เสี่ยงได้อย่างไร

การป้องกันภาวะครรภ์เสี่ยง เริ่มได้ตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์เป็นการวางแผนที่จะมีบุตร โดยการปรึกษาสูตินรีแพทย์ เพื่อตรวจร่างกายทั่วไป โรคประจำตัว โรคทางพันธุกรรม การรับวัคซีนป้องกันโรคก่อนการตั้งครรภ์ เช่น หัดเยอรมันและ การควบคุมน้ำหนัก ก่อนตั้งครรภ์ เพื่อป้องกันภาวะครรภ์เสี่ยง

การประเมินภาวะครรภ์เสี่ยงโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลครรภ์เสี่ยง พญ.ธาริณี ลำลึก สูตินรีแพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์ รพ.พญาไท 2 ให้คำแนะนำว่า คุณแม่ตั้งครรภ์ไม่จำเป็นต้องวิตกกังวลถึงภาวะครรภ์เสี่ยง เนื่องจากปัจจุบันมีกระบวนการตรวจประเมินภาวะครรภ์เสี่ยงที่มีมาตรฐาน โดยมีคำแนะนำถึงคุณแม่ เมื่อทราบว่ามีการตั้งครรภ์เกิดขึ้นควรไปฝากครรภ์ทันทีที่โรงพยาบาล เพื่อให้คุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ได้รับการดูแล ตลอดระยะเวลาของการตั้งครรภ์ ทั้งได้รับคำแนะนำจากแพทย์พยาบาลในเรื่องการดูแลตนเองและลูกน้อยในครรภ์รวมทั้งได้รับการประเมินภาวะเสี่ยงของการตั้งครรภ์ เพื่อการวางแผนการรักษาดูแลภาวะแทรกซ้อนขณะตั้งครรภ์ ขณะคลอด เพื่อจะช่วยป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดกับคุณแม่และลูกน้อย

แพทย์จะดำเนินการตรวจประเมินภาวะครรภ์เสี่ยง ดังนี้

  • การซักประวัติ สอบถามวันแรกของประจำเดือนครั้งสุดท้ายเพื่อ คำนวณอายุครรภ์ และกำหนดวันคลอด การสอบถามประวัติ โรคประจำตัว ประวัติการตั้งครรภ์ครั้งก่อน การแพ้ยา แพ้อาหาร
  • ตรวจร่างกายทั่วไป ดูภาวะซีดเหลือง อาการบวม
  • การตรวจเลือด เพื่อดูหมู่เลือด โรคซิฟิลิส โรคเอดส์ ไวรัสตับอักเสบบี ภาวะซีด
  • การตรวจปัสสาวะ ดูน้ำตาลและโปรตีน
  • วัดความดันโลหิต
  • ตรวจยอดมดลูก เพื่อประเมินขนาดทารกในครรภ์
  • การตรวจอัลตร้าซาวด์ เพื่อดูความผิดปกติของทารก น้ำคร่ำ และรก
  • ชั่งน้ำหนัก เพื่อประเมินการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์
  • วัดส่วนสูง เพื่อประเมินความเสี่ยงของการคลอดโดยเฉพาะคุณแม่ตัวเล็ก ตัวเตี้ย อุ้งเชิงกรานแคบ คลอดยาก
คำแนะนำการดูแลตัวเองเพื่อป้องกันภาวะครรภ์เสี่ยง
ศูนย์สุขภาพหญิง โรงพยาบาลพญาไท 2 แนะนำการดูตัวเองของคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น และให้เจ้าตัวน้อยมีสุขภาพแข็งแรงสมบุรณ์ โดยสิ่งที่คุณแม่สามารถทำได้ด้วยตนเองมีดังนี้
  • ควรฝากครรภ์ทันทีเมื่อทราบว่าตั้งครรภ์ แจ้งประวัติโรคประจำตัว ของตนเองและประวัติเจ็บป่วยของครอบครัว ให้แพทย์ทราบเพื่อประเมินภาวะครรภ์เสี่ยง และรับคำแนะนำการปฏิบัติตัวที่ถูกต้องเหมาะสมตลอดอายุครรภ์ จากแพทย์และพยาบาล
  • งดสูบบุหรี่ การดื่มกาแฟ แอลกอฮอล์ การใช้สารเสพติด
  • หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่กระทบต่อการตั้งครรภ์
  • กรณีมีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ควรควบคุมโรคให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
  • การออกกำลังกายสม่ำเสมอ สำหรับหญิงมีครรภ์ ควรปรึกษาแพทย์เป็นรายๆไป
  • พักผ่อนให้เพียงพอ คลายเครียด
  • รับประทานยาตามที่แพทย์กำหนด หากเป็นยาอื่นๆ ควรปรึกษาแพทย์ทุกครั้ง
  • พบแพทย์ตามนัดทุกครั้ง หากมีอาการผิดปกติ เช่น เลือดออกทางช่องคลอด ปวดท้อง ปวดศีรษะ ตาพร่ามัว ทารกไม่ดิ้นหรือดิ้นน้อยลง ควรไปพบแพทย์ไม่ต้องรอให้ถึงกำหนดนัดหมาย
ภาวะครรภ์เสี่ยง เป็นสัญญาณที่เตือนให้คุณพ่อคุณแม่ได้ตระหนักเพิ่มความใส่ใจ และเป็นการเตรียมความพร้อมที่จะรับมือ เพื่อให้มีความปลอดภัยและสุขภาพแข็งแรง ของคุณแม่และลูกน้อย

วันอาทิตย์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

รู้จัก “ภาวะครรภ์เสี่ยง”…เพิ่มความใส่ใจคุณแม่ตั้งครรภ์

ภาวะครรภ์เสี่ยง หมายถึง การตั้งครรภ์ที่มีโอกาสเกิดผลกระทบที่เป็นอันตรายต่อ มารดาและทารก โดยมีสาเหตุมาจากปัจจัยเสี่ยง เช่น มารดาอายุมาก เคยแท้งบุตร มีโรคประจำตัว เป็นต้น

ปัจจัยที่มีความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์

  1. เคยมีประวัติการตั้งครรภ์
    • ทารกเสียชีวิตระหว่างตั้งครรภ์ ระหว่างคลอดและหลังคลอด
    • เคยแท้งบุตร
    • เคยคลอดก่อนกำหนด (อายุครรภ์ก่อน 37 สัปดาห์)
    • เคยคลอดบุตรน้ำหนักน้อยกว่ามาตรฐาน (น้อยกว่า 2500 กรัม)หรือน้ำหนักเกินมาตรฐาน (มากกว่า 4000 กรัม)
    • เคยตั้งครรภ์ มีภาวะครรภ์เป็นพิษ
  2. ปัจจัยเกี่ยวกับมารดา
    • มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไทรอยด์เป็นพิษ โลหิตจาง โรคลมชัก วัณโรค เอดส์ ซิฟิลิส ไวรัสตับอักเสบบี หัดเยอรมัน
    • เกี่ยวกับรูปร่างของมารดา เช่น ตัวเล็ก เชิงกรานแคบ ตัวเตี้ยส่วนสูงไม่เกิน 140 เซนติเมตร
    • อายุน้อยกว่า 15 ปี อายุเกิน 40 ปี
  3. ความผิดปกติระหว่างตั้งครรภ์ เช่น ครรภ์แฝด ทารกอยู่ในท่าผิดปกติ มีเนื้องอกมดลูก ความดันโลหิตสูง เบาหวาน โลหิตจาง ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะภาวะครรภ์เสี่ยง
  4. อันตรายจากภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์

    ภาวะครรภ์เสี่ยง ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงระหว่างตั้งครรภ์ ทำให้ มีผลกระทบต่อสุขภาพของมารดาและทารก และมีโอกาสเสี่ยงต่อการเสียชีวิต เราจึงควรให้ความสนใจเพื่อการเฝ้าระวังวางแผนการป้องกัน และแก้ไขได้อย่างถูกต้องเหมาะสม เป้าหมายเพื่อความปลอดภัยของมารดาและทารก ภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญได้แก่

    ครรภ์เป็นพิษ

    เป็นภาวะ ที่คุณแม่ตั้งครรภ์ มีความดันโลหิตสูง (มากกว่าหรือเท่ากับ 140/90 มิลลิเมตรปรอท) ร่วมกับมีโปรตีนไข่ขาวออกมาในปัสสาวะ จะทำให้ มีอาการบวมที่หน้า มือ ขา เท้า บางคนปวดศีรษะ ตาพร่ามัว จุกแน่นลิ้นปี่ ถ้าไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม อาจชัก เส้นเลือดในสมองแตก อาจทำให้เสียชีวิต เสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนด ทารกน้ำหนักตัวน้อย
           สาเหตุ ยังไม่ทราบแน่ชัด แต่มักพบในคุณแม่อายุมากกว่า 35 ปี หรือน้อยกว่า 20 ปี ตั้งครรภ์แฝด คุณแม่มีโรคประจำตัว เช่น โรคไต โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง
           รักษา ด้วยการให้ยาควบคุมความดัน ยาป้องกันการชัก ยุติการตั้งครรภ์ในเวลาที่เหมาะสม เฝ้าระวังด้วยการ การตรวจวัดความดัน และตรวจปัสสาวะสม่ำเสมอ
ที่มา http://www.phyathai.com/medicalarticledetail/1/76/912/th